เบนซ์ พริกไทย เปิดใจหลังปอเข้าบวชพราหมณ์

หลังจากที่ ไฮโซปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และ โรเบิร์ต ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ ได้เข้าพิธีปลงผมบวชพราหมณ์ เช้านี้ (16 มีนาคม) เผยการบวชครั้งนี้ทำเพื่อความสบายใจและยังบวชเพื่ออุทิศบุญให้กับนางเอกสาวแตงโม-นิดา ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ล่าสุดภรรยาสาวของไฮโซปออย่าง เบนซ์ พริกไทย นักร้องสาวชื่อดัง ภรรยาไฮโซปอ เปิดใจขอพูดบ้างในฐานะภรรยา

หลังมีรายงานข่าวว่า ไฮโซปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และ โรเบิร์ต ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ ได้เข้าพิธีปลงผมบวชพราหมณ์ เช้านี้ (16 มีนาคม) ที่ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย สถานที่ปฏิบัติธรรมใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นสาขาของวัดท่าไม้ โดยมีพระอาจารย์อุเทนปลงผมและทำพิธีให้ มีเพียงเฉพาะบุคคลใกล้ชิดที่ร่วมพิธี

ล่าสุด เบนซ์ พริกไทย นักร้องสาวชื่อดัง ภรรยาไฮโซปอ เปิดใจว่า ไม่ได้ไปร่วมพิธี เป็นการบวชภายในที่หลวงพ่อเมตตาและอนุญาตให้บวช แต่เป็นการบวชพราหมณ์ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหา อย่างที่ทราบว่ากระแสค่อนข้างแรง ทั้งคนหวังดีและไม่หวังดี จึงได้จัดการบวชง่ายๆ เข้าธรรมจริงๆ ไม่ได้เชิญใครมา โดยจะบวช 15 วันอย่างต่ำ และธุดงค์เข้าป่า

ส่วนศาสนาของปอ ที่คนสงสัยนั้นว่าจริงๆ นับถือศาสนาใด เบนซ์กล่าวว่า จริงๆ เบนซ์เรียนโรงเรียนคริสต์มาตลอด เชื่อและศรัทธาในศาสนาคริสต์ ส่วนพี่ปอเป็นคริสต์ตั้งแต่ครอบครัวเขามานานแล้ว หลังจากนั้นเราทั้งคู่เลื่อมใสในศาสนาพุทธ ตอนหลังปอจึงได้ปรับมาเป็นศาสนาพุทธ ส่วนเบนซ์ไม่ติดทั้งคริสต์และพุทธ เพราะจริงๆ ครอบครัวก็นับถือพุทธ เพียงแต่ว่าเรียนโรงเรียนคริสต์

“อย่างภาพตอนที่แต่งงานเป็นศาสนาคริสต์ คือทางครอบครัวขอไว้ว่าอยากให้แต่งเป็นคริสต์ เราก็ทำตามหน้าที่และเข้าสู่ศาสนาคริสต์ตามพิธี ส่วนที่พี่ปอเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธทางครอบครัวก็รับทราบ อย่างที่บอกว่าเราศรัทธาทั้งศาสนาคริสต์และศาสนาพุทธ เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องของความศรัทธาและสิ่งที่ทำแล้วเราสบายใจ อย่างเช่นการบวชครั้งนี้มันไม่ใช่ว่าเราทำเพื่อให้ลบกระแสสังคม แต่มันคือสิ่งที่เราทำแล้วสบายใจ ทำด้วยความตั้งใจ ต้องการที่จะอุทิศส่วนกุศล และแก้ไขวิบากกรรมของเราจริงๆ”

ถามว่า สามีได้มาปรึกษาไหมเรื่องการบวชอุทิศส่วนกุศลให้แตงโม เบนซ์กล่าวว่า คุยกันแต่แรกๆ คิดว่าเป็นเรื่องความรู้สึกทางใจ เหมือนรู้สึกว่าทำแล้วสิ่งนี้เราสบายใจ เราตั้งใจว่าถ้าทำแล้วเราก็ได้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เขาด้วย ถึงแม้ว่าจะอยู่คนละศาสนาก็ตาม แต่เบนซ์เชื่อว่าการทำความดีมันคือความตั้งใจที่เราจะทำให้เขา เพราะสุดท้ายแล้วทุกศาสนาก็สอนให้คนเป็นคนดี ฉะนั้นการที่เราคิดและตั้งใจทำอะไรสักอย่างหนึ่งด้วยความบริสุทธิ์ใจมันก็น่าจะถึงเขา

ส่วนที่หลายคนมองในแง่ลบนั้น เบนซ์กล่าวว่า อาจเป็นเพราะไม่ศรัทธาในศาสนาหรือเปล่า ถ้าใครก็ตามอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเราสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด ณ ตอนนี้ก็คือทำแบบนี้ เราได้ทำแล้วเราได้สบายใจ แล้วทำให้เขาและครอบครัวเขาด้วย เบนซ์ว่ามันเป็นมุมมองของความศรัทธา

“ส่วนคนที่คิดว่าทำแล้วมันได้อะไร หรือเลิกได้แล้วนะตรรกะนี้ คือต้องบอกก่อนว่าพี่ปอไม่ได้บวช 3 วัน ไม่ได้บวชวันเดียวแล้วสึก แต่บวชแล้วธุดงค์และปฏิบัติ ฉะนั้นมันคนละมุมมองกัน แต่ว่าอันนี้เราก็ไปเปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้เพราะถ้าหากเขามองเราในแง่ลบแล้ว ต่อให้เราพูดหรือตะโกนออกไปหรือทำความดียังไง เขาก็ตั้งใจที่จะมองในแง่ลบ”

สอบถามถึงสภาพจิตใจของปอ เบนซ์กล่าวว่า จะว่าโอเคก็โอเคขึ้น แต่ในแง่ของสิ่งที่ต้องเจอทุกวันอย่างเช่นเจอกระแสอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาทุกวันที่เราต้องเผชิญหน้า มันก็ต้องฝึกความอดทนและให้ระยะเวลาได้เป็นตัวตอบคำถามในหลายๆ เรื่อง เบนซ์ไม่เข้าใจกระแสสังคมหรือหลายๆ คนที่ออกมาพูด คือเบนซ์เข้าใจในกระบวนการถ้าหากทำผิดและมีการตัดสินแล้ว เราก็อาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์บ้าง แต่เบนซ์ไม่เข้าใจว่าในเมื่อมันยังไม่ได้ชี้ชัดหรือบอกว่ามันผิด ทำไมคุณถึงมาตัดสินเรา ประจานเรา หรือวิพากษ์วิจารณ์

“คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าเขาไม่ได้ทำ หรือถ้ามันเป็นอุบัติเหตุ แล้วภรรยา ลูก ครอบครัว พ่อแม่ เขาจะอยู่กันยังไง เบนซ์อยากให้มองตรงนี้ คือถ้ามันผิดและมีหลักฐานที่จับเข้าคุกได้เลย อันนั้นโอเคเพราะว่าเราก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เราทำในส่วนหนึ่ง แต่ถ้ามันยังไม่ใช่ทำไมถึงได้ตัดสินคนอื่นแบบนี้ เบนซ์เลยมองว่ามันเป็นยุคเสื่อมของโซเชียลที่มันสามารถจะทำร้ายคนอื่นได้ทั้งเป็น”