โซเชียลขุดรูปในอดีต

เกาะติดเหตุการณ์ความคืบหน้าคดีของนางเอกสาว แตงโม-นิดา ที่พลัดตกเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงแก่ชีวิต โดยไม่กี่วันก่อนหน้านี้มีการออกหมายจับแก๊งเพื่อนบนเรือเพิ่มก็คือ แซน-วิศาพัช รวมเป็น 3 คนแล้ว โดยวันนี้ก็เป็นการแจ้งข้อหาเพิ่ม จ๊อบ-กระติก ทั้งสองเดินทางมารับข้อกล่าวหา งานนี้มีชาวเน็ตจับตาดูไม่ห่าง

หลังจากที่ศาลมีคำสั่งออกหมายเรียก “จ๊อบ นิทัศน์” และ “กระติก อิจศิรินทร์” ในคดีประมาททำให้ “แตงโม นิดา” พลัดตกเรือเสียชีวิตตามข่าว ล่าสุดโซเชี่ยลได้มีการขุดรูปในอดีตของ “จ๊อบ นิทัศน์” มาตั้งกระทู้ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าจะเลือกเพื่อนหรือนาย ส่งผลทำให้เกิดคอมเมนต์มากมายในโซเซี่ยล

ย้อนรอยสำหรับ “จ๊อบ นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร” เคยโดยขุดมาแล้วหนหนึ่งเรื่องเป็นหุ้นส่วนร้านตัดผมสุภาพบุรุษแบบหรูหราที่ชื่อ “Black Amber” ซึ่งปัจจุบันมี 2 สาขาคือ ที่ทองหล่อ ระหว่างซอยทองหล่อ 5 และ 7 และสาขาสาทร บริเวณชั้น M ตึก Empire Tower
นอกจากร้านตัดผมแล้ว นายจ๊อบยังทำธุรกิจหลากหลาย ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจ๊อบถือหุ้นในบริษัทดังต่อไปนี้

1.บริษัท ยีโอ เซอร์เวย์ ซิวิลเอ็นจิเนียร์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2540 ประเภทธุรกิจที่ประกอบการ เป็นกิจกรรมงานวิศวกรรมและการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันยังดำเนินกิจการอยู่ มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

ส่วนของกรรมการปรากฏชื่อนายจ๊อบเป็นกรรมการเพียงรายเดียว ด้านรายได้และกำไรพบว่า การส่งงบฯแต่ละรอบปีไม่พบรายได้ มีแต่รายจ่ายประมาณ 5,200 – 5,400 บาท โดยปีล่าสุด 2563 พบขาดทุนถึง 346,754 บาท

2.บริษัท สิบล้อ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2564 ประเภทธุรกิจที่ประกอบการ เป็นกิจกรรมของตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้าและตัวแทนออกของ (ตัวแทนดำเนินพิธีการศุลกากร) ปัจจุบันยังดำเนินกิจการอยู่ มีทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท ส่วนของกรรมการปรากฏชื่อนายจ๊อบเป็นกรรมการเพียงรายเดียว ยังไม่พบการแจ้งงบการเงิน

3.บริษัท อินเตอร์ แม็กซ์ เซอร์วิส โพรไวเดอร์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2547ประเภทธุรกิจที่ประกอบการ เป็นกิจกรรมการบริหารจัดการด้านการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า ปัจจุบันยังดำเนินกิจการอยู่ มีทุนจดทะเบียน 19 ล้านบาท

ส่วนของกรรมการปรากฏรายชื่อบุคคล 2 ราย ได้แก่ นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร และนายวิรัช นิมมานวัฒนา งบการเงินปี 2563 ระบุว่า บริษัทมีรายได้รวม 45,046,882 บาท รายจ่ายรวม 40,407,416 บาท กำไรสุทธิ 4,469,700 บาท

4.บริษัท เอ บี ที 2019 จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2562 ประเภทธุรกิจที่ประกอบการ คือการขนส่งและขนถ่ายสินค้า รวมถึงคนโดยสาร ปัจจุบันยังดำเนินกิจการอยู่ มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

ส่วนของกรรมการปรากฏชื่อนายจ๊อบเพียงรายเดียว งบการเงินปี 2563 ระบุว่า บริษัทมีรายได้รวม 2,711,380.86 บาท รายจ่ายรวม 2,694,666.79 บาท กำไรสุทธิ 16,714.07 บาท

และ 5.บริษัท โมสท์เวลล์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2559 ประเภทธุรกิจที่ประกอบการ เป็นกิจกรรมการจัดทำโปรแกรมเว็บเพจและเครือข่ายตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ ปัจจุบันยังดำเนินกิจการอยู่ มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท