พิงกี้ สาวิกา ไม่อายทำกิน

เป็นดารานักแสดงที่สู้ชีวิตอีกคนหนึ่ง สำหรับ พิงกี้ สาวิกา เธอทั้งสวย ทั้งเก่ง และมีความสามารถรอบด้าน รวมทั้งยังเป็นคนไม่อายทำมาหากิน หากใครที่ติดตามเธอก็จะเห็นว่าเธอนั้น ได้พักรับงานละคร แล้วหันมาเอาดีเป็นแม่ค้าออนไลน์ สร้างรายได้ เลี้ยงปากท้องในยุคที่แสนลำบาก ในวันนี้เราจะพาไปชมภาพนางเอกสาวคนนี้กัน

ย้อนไปเมื่อปี 2557 เรียกได้ว่ากลายเป็นข่าวดังไปทั่วสังคมไทย หลังจากที่ไฮโซหนุ่มเจ้าของที่ดินรายใหญ่และคอนโดมิเนียมหรูในเมืองพัทยา และบริษัทสร้างภาพยนตร์พัทยาฟิล์ม

เข้าพิธีวิวาห์กับนักแสดงชื่อดังแห่งวงการบันเทิงไทยอย่าง ‘พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช’ จนกลายเป็นที่สนใจนั้น พิธีวิวาห์ระหว่าง ‘ไฮโซเพชร’ และ ‘พิงกี้’ มีการจัดพิธีฉลองอย่างอลังการสมฐานะ

สินสอดกว่า 300 ล้าน พร้อมด้วยแหวนเพชรน้ำงาม 7 กะรัต ก่อนที่เมื่อปี 2560 จะมีข่าวสะพัดว่า สาวพิงกี้ได้เลิกรากับไฮโซหนุ่มแล้ว และเจ้าตัวยังได้เปิดใจขอบคุณที่อดีตสามีดีกับตนมาตลอด

โดยสาว ‘พิงกี้’ ได้ให้เหตุผลของการทิ้งสินสอด 300 ล้าน ออกมาแต่ตัวว่า มันอยู่ในจุดที่คุยกันไม่รู้เรื่องแล้วเลยแยกกัน พอแยกกันอยู่ก็ตัดสินใจทั้งคู่ว่า แยกกันอยู่ดีที่สุด

ส่วนข่าวลือเรื่องเงินนั้น อดีตสามีก็ส่งเสียให้ตนมาตลอด ทั้งตอนช่วงที่ไม่ได้ทำงาน แล้วพอ ‘พิงกี้’ ก้าวออกมา ก็ออกมาแต่ตัว ไม่เก็บข้าวของอะไรออกมา ก็ให้คนไปเก็บของออกมาให้ เพราะออกมาแต่ตัวจริง ๆ

ล่าสุด เจ้าตัวก็ ขอพักรับงานละคร หันมาเอาดีเป็นแม่ค้าออนไลน์ ลั่นตอนนี้กำลังสนุกและมีความสุขกับการเป็นแม่ค้ามาก ๆ เผยเคล็ดลับอยากประสบความสำเร็จกับอาชีพแม่ค้าต้องเป็นมากกว่าแม่ค้า

“ขายของในแต่ละวันได้มากกว่าเล่นละครยอมรับเลยค่ะว่าเป็นเรื่องจริง ของที่ขายก็ขายทุกอย่าง ของที่มีอยู่ที่บ้านบ้าง คือใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ตั้งแต่ขายของไม่มีคำว่าว่าง

เราจะยุ่งตลอด เพราะเราทำทุกอย่างเองทุกขั้นตอน แพคของ ตอบลูกค้า เราคุยกับลูกค้าเองทุกคนในไลฟ์เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ให้คำปรึกษาเขา พูดให้เป็นประโยชน์กับคน เวลาใครมีปัญหาอะไรก็มา

เดี๋ยวพี่ช่วยให้คำปรึกษา คือเราไม่ได้แค่ขายของอย่างเดียว เราเป็นที่ปรึกษาให้เขาด้วย มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ด้วยความที่กี้เป็นคนชอบอ่านหนังสือจิตวิทยา อะไรพวกนี้มันแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว

มันเกิดขึ้นจากการที่เราไลฟ์สดไปเรื่อย ๆ แล้วเราก็จับทางของเราได้ การไลฟ์สดมันคือการพูดคุยเป็นตัวบุคคล มันเห็นหน้าแบบเรียลไทม์เหมือนเราคุยกัน ทุกคนอยากจะบอกจะพิมพ์อะไร

มันภายใน 1 วินาทีได้เลย เราเลยรู้สึกว่าเราเป็นได้มากกว่าการขายของ มันเป็นสิ่งที่เราจะต้องเอาใจลงไปอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่แค่ผ่านๆ เราต้องให้เขารู้สึกว่าวันนี้มาอยู่ในเพจเราแล้วเขารู้สึกดี

แล้วตัวเราก็รู้สึกดีด้วยที่เราได้คุยกับเขา วันนี้กี้บอกเลยว่ากี้มีความสุขมาก เลยขอพักเล่นละครแป๊บนึง ขอไลฟ์ขายของก่อน มันสนุกและมีความสุขกับมันมากจริง ๆ

เราโดนโกงจากการลงทุนด้วย หนูก็คงจะต้องพูดว่าเหมือนกับทุกคนแหละค่ะ โดนด้วยเหมือนกันในจำนวนระดับนึง ทุกคนก็ต้องอยู่รอดนะแม่เนอะ ก็ต้องทำอะไรเพื่อที่จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ได้

ก็ขายของไป ทำอะไรทดแทน คือเป็นเงินที่เก็บไว้เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วที่เราเก็บหอมรอมริบ เงินเก็บส่วนตัว ก็ไม่ได้คิดถี่ถ้วนให้ดี มันเป็นจังหวะชีวิต คนเรามันต้องเจ็บก่อน บางทีเราจะไม่เห็นความสุขที่สุด

ถ้าเราไม่ทุกข์มาก่อน บางทีมันหน้ามืดค่ะ บางทีเราก็มองไม่เห็น บางทีเราก็คิดว่าสิ่งที่เราคิดมันใช่แล้ว แต่มันไม่ใช่ บางทีเราต้องมองไกลไปอีก ก็ถือว่าไม่เป็นไร เริ่มต้นใหม่ค่ะ”