เป็นอีกหนึ่งนักร้องดัง ที่เป็นเจ้าของเพลงฮิตมากมาย สำหรับ เอกราช สุวรรณภูมิ นักร้องลูกทุ่งชายที่ช่วงหลังๆไม่ค่อยมีผลงานเพลงให้แฟนๆได้ติดตามกัน เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ยังคงมีต่อเนื่อง ต่อผลกระทบให้กับหนุ่มเอกราชไม่ค่อยมีผลงานเพลง ปัจจุบันเขาได้หันไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด และวันนี้เราก็มีภาพของเขามาฝากกันค่ะ
ถือว่าเป็นนักร้องลูกทุ่งตัวพ่ออีกคนหนึ่งของวงการเพลงบ้านเรา แต่ช่วงหลังๆ มานี้เขาได้หาหน้าหายตาไปจากวงการ แฟนเพลงที่เคยติดตามผลงาน
ต่างสงสัย เขาหายไปไหน เหตุใดจึงไร้งานเพลงให้ได้ฟังกันอย่างเคย สำหรับ ‘เอกราช สุวรรณภูมิ’ เจ้าของเพลงดังอย่าง ‘กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง’
เผยชีวิตเคยรุ่งโรจน์มีเงินทองมากมาย แต่หลงผิดใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย สูญเงินเกือบหมดตัว จากเคยสุขสบายต้องกลับไปทำนา
“สมัยเพลงนี้ขายได้ทะลุหนึ่งล้านห้าแสนถึงหนึ่งล้านหกแสนม้วน ถ้าเปรียบเสมือนยูทูปสมัยนี้น่าจะเป็นพันไลค์นะไม่ใช่ร้อย หลายล้านวิว
ดังถึงขนาดไปโชว์ตัวเมืองนอกเลยดีกว่า ไปเมืองนอกบ่อย สวิสเซอร์แลนด์ เดนมาร์ค ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย อเมริกา ไปหมดครับ เดินสายเลยครับ
ถ้าไปเมืองนอกเขาจะเล่นศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ไปครั้งหนึ่งก็ 1 เดือน เดือนนึงก็ 12 งาน งานละ 200,000 ในสมัยนั้นนะครับ ดังขนาดที่ว่าแม่ยกมาขอเลี้ยงขอดูแล
คือจริง ๆ สมัยที่มีชื่อเสียงก็มีแบบนี้เข้ามา อยากให้บ้าน อยากให้รถ ตอนนั้นเราพอหาได้ วันหนึ่งเราก็หาได้แล้วแสนสองแสน เราก็เอาของเขา
แล้วมันจะมีปัญหาช่วงนั้นชื่อเสียงเราพอมีเราพอหาเงินได้ เลี้ยงดูนี่คือเขาจะแบบดูแลไปเลย ไปอยู่กับเขาเลย ซึ่งมันไม่ใช่เราก็ไม่ได้รับตรงนั้นไป 2-3 คน
ตอนโด่งดังมากชีวิตติดหรู ตอนนั้นเวลามีชื่อเสียงงานหนึ่งไม่ต่ำกว่า 2-3 งาน วันนึงหาได้ต่ำสุดคือ 200,000 บาท จนแบบเราไม่รับงานขอพัก
เพราะว่าเสียงมันไม่ไหว แต่ตัวก็อยากได้ตัง เราเด็กบ้านนอกคนนึงพอมีเงินล้านก็อยากได้ อยากทำนั่นนี่ อยากจะขี่รถคันหรู ๆ โดยที่ไม่คิด
พอเลยจะบอกว่าศิลปินถ้ามีเงินหรือดังทุกวันนี้ต้องระวังให้ดี ต้องเก็บ เพราะเราพลาดมาแล้ว ไม่อยากให้เจอเหมือนเราที่เราพลาดมา
เพราะความไม่รอบคอบในการใช้เงิน เพราะเอาเงินไปเปลี่ยนรถถึง 30 คัน พอเราเห็นรถรุ่นไหนดี เราขับมาหมดแล้ว สมมติว่าเราขับคันนี้มา 2-3 ปี
พอเริ่มซ่อมเราก็เปลี่ยน เพราะเราต้องใช้รถในการทำงาน ก็ทำแบบนี้มาตลอด เปลี่ยนใหม่ เพราะมันมีรุ่นใหม่ออกมาเรื่อย ๆ เราใช้ไม่กี่ปี
เราก็เปลี่ยนใหม่ มันก็เลยกลายเป็นเงินทุกบาทที่เราหามา ไปอยู่กับรถหมดเลย พอวันหนึ่งเราคิดได้ ผมก็ไปทำนาอยู่บ้าน แล้วก็เป็นช่วงที่งานเริ่มเบาด้วย
มันหดหายหมดทุกอย่างด้วย เราเลยไปทำนาอยู่บ้าน ผิวเราก็ดำเพราะเราตากแดด อยากจะซื้อรถหรู ๆ แบบนั้นไม่ได้แล้ว แต่ถ้าอยู่กินแบบสบาย ๆ เราก็พอได้อยู่ครับ”