แดน บุรีรัมย์ หรือ บุญชื่น บุญเกิดรัมย์ เป็นอีกหนึ่งนักร้อง/นักแต่งเพลงอาวุโส ที่เส้นทางการเป็นนักร้องของเขาไม่ง่ายเลย จากปี พ.ศ.2506 ที่เขาเริ่มเข้ามาในวงการ ก็ได้พยายามอย่างหนักเพื่อความฝัน จากฝีมือของเขาที่ได้แสดงออกไป จึงทำให้ แดน บุรีรัมย์ คนนี้มีผลงานอย่างนับไม่ถ้วน วันนี้เราจึงจะพาไปชมชีวิตของนักสู้คนนี้กันค่ะ
ครูแดนเข้าวงการตั้งแต่อายุ 17 เลยเหรอ ในตอนนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง จบการศึกษาใหม่ๆตอนนั้นอยู่ประมาณชั้นมัธยม 6
เรียนเสร็จก็ปลูกข้าวก็ค่อนข้างจะลำบาก ทีนี้ต้องการมาเป็นนักร้องเพราะว่าใจพวกเราชอบ เพราะอะไรต้องการเป็นนักร้อง
จริงๆฝึกหัดร้องมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ร้องหน้าห้องเรียนบ้าง พอเข้าโรงเรียนการช่างเริ่ม มัธยม 1 ทางโรงเรียนมีสอนดนตรี
เราเลยเรียนดนตรีไปในตัวด้วย ครูมีความใฝ่ฝันต้องการเป็นนักร้อง แต่ว่าทางบ้านไม่ต้องการให้เป็น
ใช่ สมัยก่อนคนเฒ่าคนแก่เขาพูดว่าเต้นกิน รำกิน เขาไม่ชอบ เขาก็ถามว่าจะเอาตัวรอดหรอ เต้นกินรำกิน เขาให้ทำไร่ทำนาอย่างเดียว
แต่ว่าใจเรามันชอบ เพราะฝึกหัดดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ ก็ต้องการเป็นนักร้องให้ได้ พอดีไปอ่านหนังสือเพลงพบว่าเขารับสมัครนักร้อง
ต้องการจะมาร้องเพลง ขอตังค์พ่อแม่ก็ไม่ให้เพราะว่าเขาไม่ชอบ เลยไปขอพี่ชายเขาให้มาร้อยนึงเลยมาเลย
ครูแดนตั้งชื่อให้พี่หม่ำด้วย เป็นพี่หม่ำ จ๊กมก ในตอนนั้นเห็นอะใรตัวพี่หม่ำ ในตอนนั้น เทพ โพธิ์งามเขาหาตลกก็มีมาสมัครกันมากมาย
ใครเล่นได้ อยู่ได้ แต่ว่าที่มาสมัครก็เยอะ เดือนนึงถ้าหากไม่เข้าตาเขาก็ให้ออก เทวดาเขาออกจะเป็นคนหงุดหงิดง่าย
แล้วหม่ำมาหลังจากเพื่อนเลย เขามาสมัครก็อยู่ได้ พอใกล้จะครบเดือนเขาก็จะเดินออกแล้ว ที่เรียกหม่ำ จ๊กมก
เพราะว่าเมื่อก่อนเขาไม่มีรถยนต์ แล้วเขามานั่งรถผม แล้วเขานั่งคอยแบบซกมก ก็เลยเป็นหม่ำ จ๊กมก
สิ่งหนึ่งที่รักมากมายคือภรรยาเรา อยู่ร่วมกันมา 50 ปีได้ เสียใจที่สุด นอกจากพ่อแม่ก็เขาล่ะ เราอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่หมอนมีใบเดียว มุ้งก็ไม่มี
นักร้องมันจนมาก เรานอนหนุนหมอนแล้วให้เค้านอนหนุนแขนเรา ตั้งแต่เค้าล้มวันนั้นคือวันเกิดเสรี รุ่งสว่าง พอดี
เรานอนร้องไห้คนเดียวไหม เคยมีเขาแล้วไม่มี บ้านก็ว่าง ลูกๆก็แยกไปทำงานหมด เหลือเราคนเดียว ยังดีที่ได้บุตรสาวที่เป็นลูกเลี้ยงเรา
คิดถึงมากมาย เพราะว่าเขาเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิต เราจะอยู่จะรักกันไปจนกระทั่งจากไป ก็จากไปจริงๆพอเขาจากไปไม่เท่าไหร่ ผมก็ไม่สบายเลย ผมก็เป็นเหมือนเขา
