เปิดชีวิตล่าสุด “โจนัส แอนเดอร์สัน” ศิลปินฝรั่งใจลูกทุ่ง

คงเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีสำหรับศิลปินฝรั่งใจลูกทุ่งคนนี้ “โจนัส แอนเดอร์สัน” ชาวสวีเดน แต่มาเติบโตที่เมืองไทย จนหลงรักในเพลงไทย และกลายเป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง คุณ โจนัส มีผลงานเพลงที่ฝากไว้ในเราฟังมากมาย จนมาถึงวาระที่ไม่รุ่งเหมือนในอดีต ก็ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป วันนี้เราเลยจะมาอัปเดตชีวิตของคุณ โจนัส ให้ทุกคนได้ชมกันค่ะ

เดินทางบนถนนแห่งเสียงเพลงในวงการบันเทิงไทยมานานกว่า 30 ปีแล้ว สำหรับศิลปินฝรั่งใจลูกทุ่ง ‘โจนัส แอนเดอร์สัน’

ที่เป็นภาพจำของคนไทย กับหนุ่มฝรั่งที่หลงรักเสียงเพลงลูกทุ่ง ที่ฝากผลงานเพลงลูกทุ่งจากอัลบั้มต่าง ๆ มาแล้วมากมาย

แต่กว่าที่จะมาถึงจุดนี้ หนุ่มฝรั่งหัวใจไทยผ่านเรื่องราวอุปสรรคต่างๆ มาแล้วมากมาย โดยเฉพาะความเป็นฝรั่งที่ตีกรอบชีวิตหนุ่มคนนี้

จนทำให้มีข้อจำกัดหลายอย่าง รวมไปถึงมรสุมในการทำงานเพลงที่ทำให้ท้อจนเกือบถอดใจออกจากวงการ

“อยู่ดีๆผมก็เป็นที่รู้จัก ผมงงกับตัวเองมากตอนนั้น ถือเป็นความภาคภูมิใจของผมมาก ได้ยืนบนเวทีที่สูงส่งของคนไทย

งานเยอะที่พีคที่สุดคือ จำได้ว่าในเดือนนั้นผมได้นอนบนเตียงของผมแค่ 2 คืน ที่เหลือก็คือตระเวนนอนตามที่ต่างๆ บนรถตู้บ้าง อะไรบ้าง

ผมเป็นคนสวีเดนมาตั้งแต่กำเนิด และครอบครัวของผมมีเพื่อน ที่เป็นชาวนอร์เวย์เขาย้ายมาอยู่เมืองไทย ก็เลยชวนกันมาดูงานที่นี่

ตอนนั้นโจนัสในวัย 8-9 ขวบ ยังไม่เคยได้ยินแม้แต่คำว่าไทยแลนด์ แต่เนื่องจากพ่อแม่ย้ายมา ผมก็เลยตามมาด้วย จนตอนนี้ผมอยู่เมืองไทยมา 40 ปีแล้ว

ผมรู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเองมาก ผมยืนยันที่จะไม่กลับไปพร้อมกับครอบครัว ยอมที่จะอยู่คนเดียวที่นี่ เพราะว่าผมรักไทย

รู้สึกว่าที่นี่คือบ้าน รู้สึกชอบ ผมสัมผัสถึงวิถีไทย แล้วก็อยากจะเดินหน้ากับอะไรที่ทำอยู่ ไปเรื่อยๆ 3 ปีที่ผ่านมา ชีวิตค่อนข้างลำบาก

การเป็นศิลปินคืออาชีพเรา พอเจอสถานการณ์แบบนี้ก็หายไปเลย จากวันหนึ่งที่งานเคยคาดการณ์ได้หายไปหมดเลย เราก็ค่อนข้างเจอหนักมาก

เพราะเราไม่ได้วางแผนเลย ตอนนั้นคิดอะไรไม่ได้ ต้องกินเงินเก็บอย่างเดียว พยายามประคองแต่มันก็ต่อไปเรื่อยๆ

จนเงินเก็บเราหายไปหมดเลย ติดลบด้วย เพราะมีอยู่ช่วงนึงที่ผมต้องขอความช่วยเหลือจากคนสนิทที่เรารัก

3 ปีที่ผ่านมา ทำใจคงต้องถึงเวลาแล้ว ไปต่อไม่ไหว เพราะไปไม่เป็นจริงๆ แต่ก็คิดว่าเราไม่ได้เป็นแค่ศิลปิน แต่ทุกอย่างเราฝากไว้

กับประเทศไทยแล้ว ทั้งเพื่อน จนในที่สุดก็หาทางไปได้ ก็ภูมิใจว่าเราไปต่อได้ ไม่ทิ้งประเทศที่เรารัก”