เปิดภาพล่าสุด พอเจตน์ แก่นเพชร ในวัย 74 ปี หลังลาวงการ

วันเวลาเปลี่ยนทุกอย่างก็ลืมเลือนและค่อยๆจางหายไปตามกาลเวลาไปทุกวัน ดังเช่นดารานักแสดงในวงการบันเทิงที่อดีตเคยมีชื่อเสียงโด่งดังมากแค่ไหน มีผลงานมากมายเพียงใด พออายุมากขึ้นก็ย่อมถอยห่างและกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง หนึ่งในนั้นก็คือ เล็ก พอเจตน์ แก่นเพชร อดีตนักแสดงมากประสบการณ์ที่คร่ำวอดอยู่ในวงการ ก่อนจะเกษียณไปในที่สุด วันนี้เรามีภาพล่าสุดของเขามาฝากด้วยนะ

ชีวิตคนเรามีอีกทั้งขึ้นๆลงๆตรงบ้าง เขวบ้าง ปะปนกันไปตามช่วงเวลาที่ผันเปลี่ยนเวียนไปตามโลกที่ไม่มีวันหยุดหมุน เหมือนกับเดียวกันกับ ‘เล็ก พอเจตน์ แก่นเพชร’ ที่พบเจอมาแล้วกับทุกแบบ

งานเบื้องหน้าหรือจะงานเบื้องหลัง เขาลิ้มลองมาหมด วิชาความรู้และประสบการณ์มีมากล้น แต่คนบางทีก็อาจจะหลงๆลืมๆเขาไปบ้าง แต่ไม่เป็นไร ‘เล็ก พอเจตน์’ จะยังคงทำงานต่อไปตามกำลังและแรงที่มีอยู่อย่างเต็มที่

สำหรับ ‘พอเจตน์ แก่นเพชร’ เริ่มไปสู่วงการแสดงในปี พุทธศักราช 2519 จากการชักชวนของ ‘จิรวรรณ กัมปนาทแสนยากร’ หรือ ‘คุณเล็ก’ เจ้าของค่าย “จิรบันเทิงฟิล์ม” ให้รับบทบาทพระเอกคู่กับ ‘อำภา ภูษิต’

รวมทั้ง ‘สุพรรษา เนื่องภิรมย์’ ในภาพยนตร์เรื่อง ‘รอยลิขิต’ ซึ่งฉายจริงในปี พุทธศักราช 2522 และจากนั้นก็มีชื่อเสียงดังจากภาพยนตร์เรื่อง ‘บ้านทรายทอง’ ในปี พุทธศักราช 2523 กำกับโดย ‘รุจน์ รณภพ’

โดยรับบทบาทเป็น ‘ม.ร.ว.ภารดาพัฒน์ระพี’ หรือ ‘ชายกลาง’ คู่กับ ‘พจมาน พินิจนันท์’ รับบทบาทโดย ‘จารุณี สุขสวัสดิ์’ ทั้งคู่ได้กลับมารับบทบาทเดิมอีกครั้ง ในเรื่อง ‘พจมาน สว่างวงศ์’ ซึ่งเป็นภาคต่อจาก ‘บ้านทรายทอง’ รวมทั้งมีผลงานตามมาอีกหลายเรื่อง เช่น ‘พริ้ง คนเริงเมือง’ ในปี พ.ศ. 2523, ‘ไทรโศก’ ในปี พ.ศ. 2524, ‘สี่คิงส์’, ‘เทพบุตรสลัม’ ในปี พ.ศ. 2526

ต่อมา เป็นนักแสดงประกอบในภาพยนตร์แล้วก็ละครโทรทัศน์เรื่องต่างๆ“เล่นมา 100 กว่าเรื่อง ประทับใจทุกเรื่อง เพราะผมก็ตั้งใจเล่นทุกเรื่อง นอกจากบางเรื่องที่เขาไม่ตั้งใจสร้างและก็สร้างไม่จบก็มี

จะด้วยเหตุหรือความจำเป็นอะไรก็แล้วแต่ มีอยู่ช่วงหนึ่งผมเบื่อหนีจากวงการไป ติดต่อมิได้ และกลับมาเล่นละครของช่อง 7 ปี พ.ศ. 2528 “มัสยา” (ตอนที่หยุดรวมทั้งหายจากแวดวงไป)

โดยประมาณ 10 ปีได้ ในตอนนั้นก็ไปทำไร่ หนีความวุ่นวายไป เรารู้สึกไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีเวลาเป็นของตนเอง ลูกก็ต้องปกปิดใครรู้ไม่ได้ว่ามีลูก เมีย

รวมถึงลูกก็ต้องแยกย้ายกันอยู่ ครอบครัวก็จะต้องแยก ชีวิตครอบครัวในตอนนี้ มีลูกกับภรรยาคนแรก 1 คน ขณะนี้ก็อยู่กับภรรยาใหม่ที่สระบุรี อายุห่างกัน 10 กว่าปี เราไม่ยึดติดว่าเราจะต้องเป็นพระเอก เราจะไปเล่นคู่กับใครก็ได้ ซึ่งในตอนนั้นเขาไม่ยินยอมเล่นกัน แต่เรารับทุกอย่างเลยทำให้เราได้เป็นพระเอกอยู่ได้ไม่นาน เป็นเราเล่นละครก็ต้องการจะเล่นทุกบทบาท

ถามว่าวางอนาคตตัวเองในวงการไว้ยังไง ไม่มีอนาคต แค่เพียงต้องการให้มีงานแสดงไปบ่อยเนื่องจากว่านักแสดงก็คือพ่อค้า ขายตัวเองขายความสามารถในตัวแล้วถ้าหากว่าเราไม่ขายก็ไม่มีรายได้ก็คือจบ ปัญหาจะเกิดถ้มันก็เลยเกิดเรื่องที่น่าสังเวชแล้วก็น่าสงสารว่าถ้าหากเราจะไปรู้เรื่อง สมมุติว่าไม่มีประกันสังคม ไม่มีบำนาญ

บางคนรู้เรื่องว่าดาราร่ำรวย มันไม่ใช่ อย่าไปดูผิวเผิน อย่างเสื้อที่ใส่ ก็ของกองถ่ายเขาทั้งหมด เมื่อก่อนสิเสื้อผ้าของผมเอามาเอง มีเสื้อผ้ามา 5 ชุดนะ พวกเราต้องเตรียมไป หาเองทำเองเมื่อก่อนแบบนี้จริงๆแต่งหน้า ทำผม มีกระเป๋าเอง แต่ในตอนนี้สบายมาถึงกองถ่ายเขาก็มีให้เสร็จ แต่ก่อนจะต้องรอดูแลทรงผมอะไรๆปัจจุบันนี้ไม่ต้องแล้ว”